รายงานวิจัย
เรื่อง การศึกษาลักษณะความสัมพันธ์ของสิ่งแวดล้อม
ลำน้ำพรมกับการเกษตรกรรมของชุมชนบ้านพรมใต้
อ.ภูเขียว จ.ชัยภูมิ
คณะผู้วิจัย
1. เด็กหญิงปิยะนุช สีน้ำย้อม
2. เด็กหญิงวรัญญา แก้วมาตย์
3. เด็กหญิงวรัญญา สิทธิไพบูลย์
4. เด็กหญิงดารารัตน์ วงษา
5. เด็กชายถิรภัทร จันทรมณี
ครูที่ปรึกษา
นางศศิธร สิทธิ
นางสุรางค์รัตน์ ป้อมสุวรรณ
สรุปและอภิปรายผลการวิจัย
การวิจัยครั้งนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อศึกษาลักษณะความสัมพันธ์ของสิ่งแวดล้อมลำน้ำพรมกับการเกษตรกรรมของุมชนบ้านพรมใต้ อำเภอภูเขียว จังหวัดชัยภูมิ โดยทำการศึกษาลักษณะทางกายภาพของน้ำ ลักษณะทางกายภาพและโครงสร้างของดิน และ ปริมาณยาฆ่าแมลง ยาฆ่าหญ้าที่ตกค้างในดิน และพืชผักบริเวณริมสองฝากฝั่งลำน้ำพรม ผลการศึกษาวิจัยพบว่า
1. ก่อนฝนตก ค่าความโปร่งใส ค่า pH และค่าออกซิเจนที่ละลายในน้ำ มีคุณภาพดีกว่าหลังฝนตก สำหรับอุณหภูมิของน้ำ เนื่องจากช่วงก่อนฝนตก คณะผู้วิจัยทำการศึกษาในฤดูร้อน ทำให้อุณหภูมิของน้ำสูงกว่าหลังฝนตก ซึ่งทำการศึกษาในช่วงฤดูฝน
2. ลักษณะทางกายภาพของดิน โครงสร้างของดินเป็นแบบก้อน ,สีของดินมีค่า 7.2 R เข้ม, การยึดตัวของดินแน่น, เนื้อดินเป็นดินเหนียว ธาตุอาหารในดินมีค่าต่ำ ,ค่าความเป็นกรด – ด่างมีค่า เฉลี่ย 6.62 ซึ่งถือว่ามีความเป็นกรดเล็กน้อย อุณหภูมิเฉลี่ยของดิน 30.77 องศาเซลเซียส
3. การตรวจวัดปริมาณสารพิษในดินและพืชผัก ทั้งก่อนและหลังฝนตกพบว่า มีสารพิษแต่ไม่เป็นอันตราย คณะผู้วิจัยได้นำข้อมูลที่ทำการตรวจสอบมาเปรียบเทียบกับค่ามาตรฐาน ลักษณะทางกายภาพของดินอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน สำหรับพืชผัก คณะผู้วิจัยได้นำพืชผักไปตรวจสอบ พบว่า มีสารเคมีปนเปื้อนแต่ไม่เป็นอันตรายต่อร่างกายของผู้บริโภค แต้ถ้าบริโภคมากๆ สารเคมีก็จะสะสมในร่างกายทำให้เกิดอันตรายต่อผู้บริโภคได้
สำหรับการวิจัยในครั้งนี้คณะผู้วิจัย พบว่า ลักษณะทางกายภาพของน้ำ รวมทั้งสภาพแวดล้อมที่อยู่รอบลำน้ำพรม อยู่ในค่ามาตรฐาน เหมาะสำหรับสิ่งมีชีวิตที่อยู่ในน้ำที่จะส่งผลต่อการดำรงชีวิตและการเกษตรกรรมของชาวบ้านที่อาศัยในละแวกนี้
วันพฤหัสบดีที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2552
วันอังคารที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2552
การกักเก็บและการปลดปล่อยคาร์บอน( Carbon Sequestration and Emission) ของหูกวาง
การกักเก็บและการปลดปล่อยคาร์บอน( Carbon Sequestration and Emission) ของหูกวาง บริเวณโรงเรียนภูเขียว
บทคัดย่อ
งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อวัดประสิทธิภาพในการกักเก็บคาร์บอนไว้ในอินทรียวัตถุบริเวณใต้ต้นหูกวาง และการปลดปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์จากใบหูกวาง และดินบริเวณต้นหูกวาง โดยวิธี Static Chamber ของหูกวาง ในเดือนสิงหาคม 2551 จากผลการทดลองพบว่า ดินใต้ต้นหูกวาง มีเนื้อดินเป็นดินร่วน มีโครงสร้างแบบ Granular ผลการเทียบสีของดินได้เป็นค่าเป็น 7.5YR2.5/3 และดินตัวอย่างมีค่าความหนาแน่นรวมเท่ากับ 10.72 และมีอัตราการปลดปล่อยก๊าซ CO2 จากดินเท่ากับ 76.201 กรัม./ตร.ม./วัน และจากใบหูกวาง เป็น 0.068 กรัม./ตร.ม./วัน และจากการวิเคราะห์หาปริมาณคาร์บอนจากเศษซากใบหูกวางที่ผิวดิน ได้ค่าเป็น 0.274 %
บทคัดย่อ
งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อวัดประสิทธิภาพในการกักเก็บคาร์บอนไว้ในอินทรียวัตถุบริเวณใต้ต้นหูกวาง และการปลดปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์จากใบหูกวาง และดินบริเวณต้นหูกวาง โดยวิธี Static Chamber ของหูกวาง ในเดือนสิงหาคม 2551 จากผลการทดลองพบว่า ดินใต้ต้นหูกวาง มีเนื้อดินเป็นดินร่วน มีโครงสร้างแบบ Granular ผลการเทียบสีของดินได้เป็นค่าเป็น 7.5YR2.5/3 และดินตัวอย่างมีค่าความหนาแน่นรวมเท่ากับ 10.72 และมีอัตราการปลดปล่อยก๊าซ CO2 จากดินเท่ากับ 76.201 กรัม./ตร.ม./วัน และจากใบหูกวาง เป็น 0.068 กรัม./ตร.ม./วัน และจากการวิเคราะห์หาปริมาณคาร์บอนจากเศษซากใบหูกวางที่ผิวดิน ได้ค่าเป็น 0.274 %
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)